[Special Fic] #สิบสี่มีนาคมของเฉินเหว่ยถิง Part4

[Special Fic] #สิบสี่มีนาคมของเฉินเหว่ยถิง Part 4

พบกันอีกครั้งกับฟิค #วิ่งเปี้ยวโปรเจกต์

#สิบสี่มีนาคมของเฉินเหว่ยถิง

ซึ่งคราวนี้มาในธีมวันไวท์เดย์ของเฉินเหว่ยถิงค่ะ

โดยเราจะเขียนต่อกัน 3 คนคนละ 2 หน้าถ้วน ไม่มีการบอกพล็อต ต่อแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้

อยากรู้ไหมคะ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาลุ้นด้วยกันสิคะ

ความเดิมตอนที่แล้ว

[PART 1]

[PART 2]

[PART 3]

——————————————–

ใครบอกว่าเขาเป็นลุงคนนั้นจะต้องโดนฟาดให้ปากแตก!

เฉินเหว่ยถิงปรามาสในใจทั้งๆ ที่นั่งหอบแฮ่กอยู่ริมสนาม นัยน์ตาคู่คมจับจ้องอยู่บนบอร์ดคะแนน เจ้าบ้าหยางหยางกับเด็กแสบคนนั้นทำคะแนนนำไปไกลแล้ว ทีมของเขายังคงไล่หลังอยู่อย่างอ่อนล้า ป๋อหรันที่ดูคึกคักในตอนแรก พอเห็นเขาหมดแรงข้าวต้มตั้งแต่ยังไม่ครบ 5 นาทีแรกก็เริ่มเอื่อยเฉื่อย

เขาไม่ได้แก่! เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนต่างหากเล่า!!

โชคดีชะมัดที่หมิงเอินไปติวอยู่กับอี้ชิงกับไอบ้าหยุนห่าว ไม่อย่างนั้นเขาต้องขายขี้หน้าตายแหงๆ

ลุง เอ้ย ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์เมื่อคนตัวเล็กแต่แข็งแรงวิ่งเข้ามาหาเสียจนหน้าม้าเปิด ใบหน้าร่าเริงแจ่มใสพร้อมรอยยิ้มกว้าง เขาขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม

“ลุง เกะกะ” สิ้นประโยคนั้นลูกบาสก็ลอยมาจากทางไหนสักทางจนแทบจะกระแทกหน้า เฉินเหว่ยถิงกลิ้งตัวหลบไปตั้งหลักทันที พอหันกลับมาเชียนซีก็ยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เขาเพิ่งนั่งเสียแล้ว

พอมือแกร่งโยนลูกบาสให้หยางหยาง เด็กแสบก็หันมาแลบลิ้นใส่อีกที “ลุง กลับหอไปนอนเหอะไป”

ไอเด็กบ้า เรียกลุงเป็นรอบที่เท่าไรแล้ว!!!

คนตัวสูงลุกพรวด ไม่สนใจอาการหน้ามืดวิงเวียน เขาพร้อมพาลพาโลเต็มที่ ขอแค่ใครเข้ามาสะกิดตอนนี้ก็จะโวยวายเสียงดังให้ถึงนอกโลกเลย

ราวกับมีคนท้าทาย เมื่อมีแรงสะกิดมาจากด้านหลัง เขาหันขวับไปเตรียมพร้อมอ้าปากจะด่า

แต่ทุกคำพูดก็กลืนหายไปในลำคอพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่คือใคร

“อะไรว—เอ้ย สวัสดีครับ หูเหล่าซือ” อาจารย์สอนวิชาเอกของเขายืนมองด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ รูปร่างสูงโปร่งพร้อมกับความอบอุ่นที่รายล้อม ทำให้นักศึกษามากหน้าหลายตาพร้อมใจกันลงเรียนวิชานี้ โชคดีที่เป็นวิชาบังคับของเขา ทำให้สามารถลงเรียนได้อย่างง่ายดาย

“มายืนโวยวายอะไรอยู่ในสนามบาสล่ะเหว่ยถิง”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะโวยวายอะไร”

“อย่างนั้นหรือ นี่เราไม่ได้เล่นบาสอยู่ใช่มั้ย”

“เปล่าครับ อาจารย์มีอะไรหรือครับ”

“อาจารย์รบกวนฝากเพื่อนใหม่ไว้สักสองสามชั่วโมงได้ไหม พอดีอาจารย์มีธุระด่วน ที่มหาวิทยาลัยกำลังมีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาข้ามประเทศน่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยส่งนักเรียนของเราไปที่นั่นมาแล้ว ครานี้ก็ถึงคราวที่ทางนั้นจะส่งคนมาดูงานบ้าง ถ้ายังไง อาจารย์ฝากด้วยนะ” เขาเอียงหัวไปมองด้านหลังคนตัวสูง

“เอาล่ะ จุ้นเหมียน มานี่หน่อยสิ” คนถูกเรียกหันมามอง ใบหน้าขาวใสนั้นเต็มไปด้วยเครื่องหน้าเด่นที่ลงตัว รูปร่างอาจจะไม่ได้สูงโปร่งอะไรแต่ร่างกายก็แข็งแรงสมส่วน มองผ่านๆ แล้ว ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตานั้นน่าจะเต็มไปด้วยกล้ามมัดที่สวยงาม

“เหว่ยถิง นี่จุ้นเหมียนนะ เป็นคนเกาหลี ถ้าเรียกชื่อจีนไม่หันก็เรียกชื่อเกาหลีแล้วกัน ชื่อว่าซูโฮน่ะ พอพูดภาษาจีนได้บ้าง แต่ถ้าไม่ไหวก็คุยภาษาอังกฤษ เรื่องภาษาเราไม่น่าเป็นห่วงอยู่แล้วนี่ ภาษาของจุ้นเหมียนก็ดี สื่อสารกันไม่ยาก” เขาพยักหน้ารับ

ยังไงซะวันนี้ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว หมิงเอินก็คงติดแหง่กอยู่กับอี้ชิงยันเช้า ป๋อหรันก็ไม่รู้จะเล่นบาสถึงเมื่อไร จะให้เขากลับห้องไปมองกองช็อคโกแลตก็เศร้าใจเกินไป อยู่ดูแลแขกให้อาจารย์ก็คงจะไม่เป็นไร

“ฝากด้วยนะ จุ้นเหมียน นี่เหว่ยถิง เขาจะดูแลคุณสักระยะหนึ่ง พอดีผมติดธุระนิดหน่อย เดี๋ยวจะรีบกลับมา”

“ไม่เป็นไรครับ คุณทำธุระตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้” สำเนียงภาษาจีนที่ออกมาจากริมฝีปากสวยนั้นฟังง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

“ได้ครับ เอ้อ เหว่ยถิง นี่ของตอบแทน” มือเรียวสวยยื่นกล่องช็อคโกแลตสีขาวสะอาดตามาให้ “วันนี้ไวท์เดย์ใช่มั้ยล่ะ ถึงเราจะไม่ได้ให้อะไรอาจารย์ในวันวาเลนไทน์ แต่ก็คิดซะว่าเป็นของที่อาจารย์อยากให้เพื่อตอบแทนละกันนะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์!” เขารับมาด้วยความตื้นตัน

อาจารย์หูเดินจากไปแล้ว แต่เขายังคงชื่นชมกล่องสีขาวสะอาดตาในมืออยู่ ของขวัญวันไวท์เดย์ชิ้นแรกในปีนี้

…..

แต่คิดดูอีกที ผู้ชายที่ไหนเขาจะดีใจที่ได้ของขวัญวันไวท์เดย์กันนะ

เสียงกดชัตเตอร์เรียกให้คนที่กำลังมึนงงหลุดจากภวังค์ พอหันไปมองก็เห็นแขกผู้มาเยือนยกกล้องค้างอยู่ ซูโฮยิ้มเจื่อน

“ขอโทษนะครับ พอดีผมเห็นท่าทางคุณสวยดีเลยอยากถ่ายเก็บไว้ ถ้าคุณรังเกียจ เดี๋ยวผมจะลบให้นะ” เขาสะบัดมือไปมาพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้าง

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว กล้องสวยดีนะครับ”

“รุ่นเก่าแล้วแหละครับ แต่ใช้ดีมากจนผมไม่อยากเปลี่ยนเลย เหว่ยถิงชิก็เล่นกล้องเหรอครับ” เขาขมวดคิ้วกับคำว่าเหว่ยถิงชิ คุ้นๆ ว่าอี้ชิงเคยบอกว่าเวลาเรียกใครสักคนว่าคุณในภาษาเกาหลีให้เรียกลงท้ายว่าชิ…

“เหว่ยถิงชิ…”

“อ๋า ผมเผลอหลุดภาษาเกาหลีไป ขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ พอฟังภาษาจีนที่ปนภาษาเกาหลีแล้วก็น่ารักดี คุณมาจีนบ่อยหรือครับ พูดภาษาจีนคล่องจัง”

“ผมมาไม่บ่อยครับ แต่เพราะอยากเรียนภาษานี้ก็เลยตั้งใจเรียน จริงๆ ค่อนข้างยากแต่ก็เรียนมา 7 ปีได้แล้วครับ ก็เลยพอที่จะคุ้นเคยแล้ว”

“7 ปีเลยเหรอครับ!”

“ครับผม” เขาพยักหน้า รู้สึกตื่นตะลึงกับระยะเวลาที่ชายหนุ่มคนนี้ใช้ บทสนทนาขาดตอนไปครู่หนึ่งเพราะเขาเอาแต่อยู่ในภวังค์ แขกของมหาวิทยาลัยยืนยุกยิกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำลายความเงียบ

“จริงสิครับ เมื่อครู่ผมเห็นคุณทำท่าดีใจตอนได้ของขวัญจากคุณหู ผมรู้ว่ามันอาจจะแปลกๆ แต่ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยรับนี่ไปนะครับ” กล่องกระดาษสีขาวถูกดึงออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง บนกล่องสกรีนชื่อร้านช็อคโกแลตราคาแพงยี่ห้อดังที่เขาไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิดจะซื้อ

“สุขสันต์วันไวท์เดย์นะครับคุณเหว่ยถิง ขอบคุณสำหรับมิตรภาพในวันนี้ จนกว่าคุณหูจะกลับมา หวังว่าเราจะทำความรู้จักกันจนสนิทกันมากกว่านี้นะครับ”

“เอ๊ะ เอ่อ แต่ผมไม่ได้ให้อะไรคุณนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็น ของขวัญสำหรับมิตรภาพที่งอกเงยในวันนี้แทนได้มั้ยครับ” เป็นครั้งที่สองของวันที่เขารู้สึกเขินขึ้นมา มือหนารับกล่องสีขาวมาถือไว้

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณนะครับ คุณอยากเดินเที่ยวรอบมหาวิทยาลัยมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป” ซูโฮยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

“คุณเหว่ยถิงไม่ได้ติดธุระอะไรใช่มั้ยครับ”

“ไม่ครับ ไปมั้ยครับ ก่อนที่ฟ้าจะมืดเสียก่อน”

——————————- TBC part 5 ——————————-

ทวงตอนต่อได้ที่ >> @conicat

#สิบสี่มีนาคมของเฉินเหว่ยถิง

*เรือผีของพี่ต้องแล่น พี่บอกเลย*

Leave a comment