心事的高峰
[ ซินซื่อเตอเกาฝง ]
ความในใจ ของ ยอดเขา
AU
เฉินเหว่ยถิง x หยางหยาง
(1)
สีขาวที่อ้างว้าง ความหนาวเหน็บที่เกาะกินเข้าไปจนถึงหัวใจ ปุยสีสะอาดที่ร่วงหล่น
และความโดดเดี่ยวที่อยู่ข้างกาย
เขายกมือขึ้นโอบตัวเองแน่น ผิวกายแสบร้อนแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด นัยน์ตาคมปรือต่ำ เกล็ดน้ำแข็งเกาะกินแทบจะทั่วใบหน้า
…หนาว ข้าหนาว เหลือเกิน…
ขายาวพยายามก้าวไปเบื้องหน้า แต่ความหนาของหิมะที่ทับถมกำลังทำร้ายร่างกายของเขาอย่างหนัก ขาทั้งสองข้างชาจนแทบจะไร้ความรู้สึก รองเท้าเย็นชื้นกัดกินผิวของเขาจนแสบบวม
…เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จพี่ พวกท่านอยู่ที่ใดกัน…
สีแดงฉานวาบเข้ามาในสมอง นัยน์ตาขาวที่ถลนเบิกกว้าง ริมฝีปากสีซีด ร่างกายที่ไร้ไออุ่น
…ข้าหนาว เสด็จแม่ ข้าหนาว…
เข่าทั้งสองข้างทรุดลงกับปุยหิมะ มือทั้งสองข้างเริ่มไร้เรี่ยวแรง นัยน์ตาหลุบต่ำจนแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้า
ยอดเขามันเหน็บหนาวได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ มันทั้งหนาว มันทั้งเหงาได้ขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ
ริมฝีปากขยับรอยยิ้มขมขื่น ใบหน้าคมคายซุกลงกับพื้นที่เย็นเฉียบ ซุกซ่อนทุกความรู้สึกไว้ให้ละลายหายไปพร้อมกับความหนาวที่ทำให้ประสาทสัมผัสชา
ยอดเขาที่เอ่ยสิ่งใดไม่ได้ ความหนาว ความเหงา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่ยอดเขาสามารถเอ่ยออกมาได้
หยดน้ำไหลลงมาจากแก้วใส กระทบลงบนผืนดิน จางหายไปกับความเหน็บหนาว
ภาพในหัวคือนัยน์ตาคมกริบที่แสนจะอ่อนโยนของพี่ชายคนสำคัญ ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มกว้างให้เขาเสมอมา มือแกร่งที่คอยโอบอุ้ม มืออุ่นที่คอยลูบศีรษะ
เขายิ้ม
…เกอ ข้าคิดถึงเกอ…
“ฝ่าบาท” เสียงทุ้มเรียกเป็นรอบที่สาม มือใหญ่สัมผัสลงบนพระอังสา เขย่าพระวรกายอุ่นที่กำลังพลิกตัวไปมา สุรเสียงแผ่วเบาพึมพำออกมาแต่คำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์
“ฝ่าบาท ทรงตื่นบรรทมเถอะพะยะค่ะ” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกให้ดังขึ้น
พระเนตรคมเปิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ลมหายใจหอบรัว
“เกอ!” เสียงทุ้มที่ตรัสออกมาคำแรกทำให้คนที่ย่อตัวอยู่ข้างที่บรรทมชะงัก ร่างทั้งร่างแข็งเกร็งด้วยความตกใจ ไม่ต่างจากพระองค์ที่ทรงเผลอตรัสอะไรที่ไม่ควรออกไป
พระหัตถ์แกร่งยกขึ้นมาลูบใบหน้า ขับไล่ความรู้สึกในพระทัยออกไป
“เกิดอะไรขึ้น”
“นางกำนัลไปเรียกหม่อมฉันมา นางบอกว่าพระองค์ทรงพระสุบินไม่ดี ได้ยินเสียงพระองค์ตรัสข้อความไม่ได้ศัพท์ เลยให้หม่อมฉันเข้ามาดู” เขาขยับพระพักตร์รับรู้ พระวรกายแกร่งขยับขึ้นมานั่งท่ามกลางสายตาเป็นห่วงขององครักษ์ข้างกาย
“ไม่มีอะไรแล้ว ข้าไม่เป็นอะไร ออกไปเถอะ”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะพะยะค่ะ” พระองค์ทรงพยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง องครักษ์หนุ่มจึงถอนหายใจ ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นยืน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันจะเรียกนางกำนัลให้ยกน้ำเข้ามาให้พระองค์นะกระหม่อม” พูดจบก็โค้งตัวลงแล้วหันหลังกลับเดินไปที่ประตู
ขายาวชะงักเพียงแค่ชั่วครู่ ในหัวครุ่นคิดถึงน้ำเสียงตกพระทัยของนายเหนือหัวที่ตรัสออกมาคำแรกที่เห็นหน้ากัน
‘เกอ!’
นัยน์ตาคมหลุบต่ำ
องครักษ์เฉินเหว่ยถิงคนนี้ ยังมีสิทธิ์ได้รับคำว่าเกอจากพระองค์อยู่อีกรึ ฝ่าบาท
นัยน์เนตรคมทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่าง ความฝันเมื่อเช้ายังคงตามมากวนพระทัยแม้จะตื่นบรรทมมาได้แล้วเกือบชั่วโมง
ความเหงาและอ้างว้างที่โดดเดี่ยวบนยอดเขาสูงทำร้ายดวงหทัยดวงน้อยของพระองค์ยิ่งนัก
หากว่าเลือกได้ พระองค์อยากจะเป็นเพียงแค่องค์ชายหยางหยางองค์น้อย องค์ชายที่แย้มสรวลให้คนรอบข้างเหมือนคราที่ทรงเยาว์วัย เป็นเพียงองค์ชายองค์เล็กที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ในยามที่พระเชษฐาครองราชย์ พระองค์แค่ทอดพระเนตรมองด้วยความชื่นชม
พระองค์หวังเพียงแค่นั้น ไม่เคยหวังเลยว่าวันหนึ่งจะขึ้นมาครองราชย์ เป็นฮ่องเต้หยางหยางด้วยวัยเพียงแค่ไม่ถึง 20 ชันษา
ไม่เคยดำริเลยแม้แต่น้อย ว่าทุกอย่างจะมาถึงจุดนี้
ชายหนุ่มทรงถอนปัสสาละ ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลออกมาผ่านลมหายใจ เพียงเพราะเป็นฮ่องเต้จึงมิอาจตรัสสิ่งที่อยู่ในพระทัยได้
ตรัสไม่ได้ว่าในยามแรกที่มองเห็นใบหน้าขององครักษ์ข้างกาย พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไร
ตรัสไม่ได้ว่าในพระทัยกำลังกรีดร้องว่าอยากเอ่ยเรียกเขามากแค่ไหน….อยากจะทิ้งพระวรกายที่หนักอึ้งนี้ไปที่ร่างแกร่งนั้นมากแค่ไหน
ตรัสไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว
“ฝ่าบาท” ทหารหน้าห้องทรงงานเอ่ยพร้อมกับโค้งตัวลงให้ยามที่พระองค์เดินผ่าน นัยน์เนตรคมกริบตวัดไปมอง
“วันนี้ข้าจะทำงานทั้งวัน ห้ามใครเข้ามารบกวน” นายทหารหนุ่มยืดตัวตรง แนบอาวุธข้างกายเป็นการรับคำ พระหัตถ์ใหญ่ผลักบานประตูห้องทรงงานเข้าไป ได้ยินเสียงขยับตัวทำความเคารพของทหารอีกครั้งก่อนที่ประตูจะปิดลง
เขาถอนพระปัสสาละยาว ทอดพระเนตรไปทั่วห้องทรงงานที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือและเอกสาร ภายในห้องที่อบอุ่นไปด้วยไฟในเตาผิงไม่ได้ทำให้พระทัยของพระองค์รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ร่างแกร่งเดินไปทิ้งพระวรกายลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทรงงาน
พระองค์ทรงปกครองแผ่นดินนี้มานานกว่าสามปีแล้ว ดินแดนเล็กๆ บนเทือกเขาที่อยู่ห่างไกล น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่เพราะเช่นนี้ ทำให้เมืองๆ นี้อุดมสมบูรณ์ ไม่มีใครเข้ามารุกราน
พระองค์เคยเป็นเพียงแค่องค์ชายองค์น้อยที่เป็นที่รักของข้าราชบริพานทั่วเมือง มีเสด็จพ่อที่แม้จะทรงดุแต่ก็เอ็นดูพระองค์ยิ่งกว่าใครๆ มีเสด็จแม่ที่ทรงงดงามราวกับนางฟ้าและพระทัยดียิ่งกว่าใครที่ไหน มีเสด็จพี่ที่มีรอยแย้มสรวลที่สวยงาม มีพระกำลังที่มากล้น
และมีองครักษ์คนสนิท เฉินเหว่ยถิงเกอ ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นกับพระองค์เสมอ
เมืองนี้เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุขแบบที่พระองค์ใฝ่หา
แต่พระองค์ไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อย ว่าสิ่งเหล่านั้นจะหมดลงอย่างรวดเร็ว
วันนั้นพระองค์กับถิงเกอออกไปล่าสัตว์กันในยามค่ำคืน กว่าจะเดินทางกลับมาถึงตัวเมืองก็ล่วงเลยมาถึงเช้าอีกวันหนึ่งแล้ว ภาพแรกที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นคือปราสาทที่กำลังลุกเป็นไฟ
ความวุ่นวายที่ทำให้พระองค์ทรงทำสิ่งใดไม่ถูก ได้แต่ยืนเหม่อลอย จนองครักษ์หนุ่มต้องพาหลบหนีออกมา
มีผู้บุกรุกเข้ามาในปราสาท ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ของดินแดน เขาสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปภายในคืนเดียว ฮ่องเต้ ฮองเฮา รัชทายาทสิ้นพระชนม์จนหมด
มันคือฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขาจนถึงทุกวันนี้
ภาพของพระวรกายของคนที่พระองค์ทรงรักจมกองพระโลหิต นัยน์ตาถลนอย่างทรมาน ไม่ว่าจะปิดพระเนตรในยามใด ก็จะยังคงฝันถึง
วันนั้นคือวันที่เขาหลั่งพระอัสสุชลเป็นครั้งสุดท้าย
เพราะวันนั้นคือวันที่พระองค์ไม่ใช่องค์ชายหยางหยางอีกต่อไป
พระองค์คือโอรสสวรรค์….ฮ่องเต้หยางหยางแห่งแผ่นดินนี้
และวันนั้นก็คือวันสุดท้ายที่เขาได้เอ่ยเรียกนามถิงเกอ
ไม่มีถิงเกออีกต่อไปอีกแล้ว ถิงเกอกลายเป็นองครักษ์เฉินเหว่ยถิงเต็มตัว มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเขาจนกว่าชีวิตตัวเองจะหาไม่
อ้อมกอดอุ่นที่คอยปลอบประโลมพระองค์ในยามท้อแท้
พระองค์ก็ได้สัมผัสวันนั้นเป็นวันสุดท้าย
ไม่มีอีกแล้ว
ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
พระองค์ทรงตรัสอะไรไม่ได้….อีกแล้ว
นัยน์ตาคมมองภาพตรงหน้านิ่ง เขาถอนหายใจยาว พยักหน้าให้นางกำนัลที่ยืนอยู่ หญิงสาวโค้งตัวลงก่อนจะปิดประตูห้องทรงงาน
ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ มองชายหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะใหญ่
หลังจากเกิดเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน เขาก็ไม่เชื่อใจใครในพระราชวังนี้อีกต่อไป
ด้วยสองมือที่มีอยู่ เขาต้องดูแลองค์ชายน้อยให้ได้ นับจากวันนั้นเขาพยายามรวบรวมผู้คน พิสูจน์ใจข้าราชบริพารในพระราชวัง ตามหาคนที่พร้อมจะดูแลนายเหนือหัวของเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ใช้เส้นสายที่มีอยู่เพียงหยิบมือสลับจับตำแหน่ง จนในที่สุดคนที่อยู่รอบกายองค์ชายของเขาก็คือคนที่เขาไว้ใจได้
ในยามที่เกิดเรื่องอะไร นางกำนัลข้างกายองค์ชายจะเรียกเขามาเสมอ
ภาพลักษณ์ของฮ่องเต้หยางหยางต้องดูดีในสายตาของทุกคน เพราะฉะนั้นในยามที่พระองค์ทรงเผลอไผล เขาจะถูกเรียกตัวมาเสมอ
อย่างเช่นวันนี้
เขามองร่างแกร่งที่นอนหลับใหลไร้ความระวัง
ร่างสูงย่อตัวลง ยื่นมือทั้งสองข้างช้อนเด็กหนุ่มที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่ขึ้นมา ใบหน้าคมคายนิ่งสนิท ไร้สัญญาณของการตื่นนอน เขาส่ายหัว
แล้วแบบนี้จะให้เขาห่างตัวได้อย่างไร
เขาบรรจงวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงอุ่น ฮ่องเต้องค์น้อยชอบทรงงานจนถึงดึกดื่น เพราะฉะนั้นในห้องทรงงานจึงมีที่บรรทมนุ่มเตรียมไว้เสมอ
เสียงเคาะประตูห้องดังมา พอเขาเอ่ยอนุญาตนางกำนัลก็เข้ามาหาพร้อมกับถังน้ำอุ่น
“วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“รบกวนด้วยนะคะองครักษ์เฉิน” เขาโบกมือเป็นเชิงว่าอย่าใส่ใจ หญิงสาวจึงวางถังน้ำลงข้างกายเขา โค้งตัวลงให้อีกหนึ่งทีแล้วออกจากห้องไป
เฉินเหว่ยถิงถอนหายใจยาว นิ้วแกร่งยกขึ้นเช็ดหางตาคนที่หลับอยู่
ในยามตื่นเด็กหนุ่มคือฮ่องเต้ที่ใครๆ ทั้งรักและเคารพ แต่ในยามนอน สำหรับเขาแล้วคนตรงหน้านี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มที่ชอบเรียกเขาว่า เกอเกอ ในยามเด็ก
มือแกร่งเลื่อนลงต่ำ นิ้วโป้งสัมผัสริมฝีปากสวย
นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของเด็กน้อย
“อย่าทำให้เกอเป็นห่วงสิครับองค์ชายน้อย” เขาพึมพำออกมา นัยน์ตาคมเต็มไปด้วยความปวดร้าว เรื่องราวมากมายมันซับซ้อนเกินกว่าที่จะกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว
เขาผละตัวออกห่าง ละความสนใจจากความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ
…ไม่ใช่ เขาไม่ใช่ถิงเกอเกออีกแล้ว ไม่ใช่…
…เขาเป็นเพียงองครักษ์เฉินเหว่ยถิงที่ต้องปกป้องดูแลฮ่องเต้หยางหยางจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เท่านั้นเอง เป็นมากกว่านี้ ไม่ได้อีกแล้ว…
เข้าใจซะนะ เฉินเหว่ยถิง
=TALK=
คุโจค่ะ
เปิดเรื่องยาวแบบงงๆ แต่คิดว่าไม่น่าจะยาวอะไรมากมายค่ะ ….. มั้งนะ
ปกติเราไม่ค่อยพิมพ์ AU ค่ะ จริงๆ ต้องเรียกว่าไม่ค่อยชอบเอยูด้วยซ้ำ นี่ยังงงๆ ว่าทำไมมางอกพล็อตนี้ออกมา เพราะคนแถวๆ นี้แหงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ยังไงก็ฝากคิงหยางหยางกับองครักษ์ถิงถิง (?) ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ราชาศัพท์มันยากก เราพยายามแล้ว อะไรผิดๆ ถูกๆ ยังไงสามารถติชมเราได้ค่ะ เรางง * ^ *)
ติชมเราได้เสมอนะคะ XD
ไปตามคุยกันในเพจ ไม่ก็ในทวิตเตอร์ได้ค่ะ
KA’KUJO
PAGE : https://www.facebook.com/Kakujo59
TWITTER : https://twitter.com/kakujo59